โคตรเหี้ยม!! ล่าสุด "ยายน้องไอดิน" แฉความลับ ทำไมแม่ใจโหดต้องฆ่าลูกตัวเอง!! พอได้ฟังทำเอาต้องสาปแช่งไปจนวันตาย!!(แก้ไข, สถิติ)
วันนี้ทางทีมงานพัดจ๋าได้รับรายงานว่า จากความคืบหน้าคดีของแม่ใจอำมหิต ตั้งใจฆ่าลูกวัยทารก แล้วหมกป่า จนทางตำรวจสามารถจับกุมได้เรียบร้อยเเล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 29 ก.พ 59 เวลา 13.00 น. นางอภิญญา ก้อยทอง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เจ้าหน้าที่ สถานสงเคราะห์บ้านแคนทอง จังหวัดขอนแก่น นำสิ่งของเครื่องใช้ไปมอบให้กับ นางบุญมา บาลี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201 ม.1 บ้านใหม่นาเพียง ต.ใหม่นาเพียง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวสุดา ทองดี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน
หลังจากได้ของจากเจ้าหน้าที่เเล้ว คุณยายน้องไอดิน ได้ออกมาเฉลยความลับที่ทำเอาน้ำตาซึม โดยกล่าวว่า “นางสาวสุดา เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน เมื่อนางสาวสุดามีครอบครัวจึงแยกสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆกัน กับสามีและลูกชายสองคน”
เรื่องการตั้งครรภ์และการฆ่าลูกตัวเองของนางสาวสุดานั้น ยายบุญมา เผยว่า ตนและญาติพี่น้องเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางสาวสุดา แต่เมื่อทุกคนถาม ก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ต้องครรภ์ อาจจะเป็นเพราะกลัว เนื่องจากสามีทำหมันมาหลายปีแล้ว การทำร้ายและฝังลูกตัวเอง บอกตามตรงว่า ยอมรับไม่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะแก่แล้ว
เมื่อรู้ว่าหลานที่คลอดออกมาเป็นผู้ชายและยังมีชีวิตอยู่ก็ดีใจและอยากไปเยี่ยม แต่คงไปตอนนี้ไม่ได้ ทั้งอยากรับหลานมาเลี้ยงเอง แต่ไม่มีรายได้ ไม่มีใครช่วยเลี้ยง หากมีคนใจบุญรับไปเลี้ยงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีจะทำให้หลานมีอนาคตที่ดี เพราะเมื่อหลานชายโตขึ้นมา เขาจะได้ไม่มารับรู้เรื่องไม่ดีที่แม่ผู้ให้กำเนิดทำไว้
นางอภิญญา ก้อยทอง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น เผยว่า ลงพื้นที่พร้อมทีมสหวิชาชีพ เพื่อฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่ รพ.แวงใหญ่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกายของมารดาน้องไอดิน พร้อมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวของผู้ต้องหาด้วย แต่ไม่พบสามีและบุตรทั้งสองคน ทราบว่า สามีหายหน้าไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ภรรยาถูกจับตัวแล้ว ที่บ้านมีเพียงบุตรชายสองคนอาศัยอยู่ และจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า บุตรของผู้ต้องหานั้น อยู่ในความดูแลของยายหรือนางบุญมา มาโดยตลอด ทางคณะฯจึงมอบสิ่งของให้ยาในฐานะคนดูแล
โดยทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น มอบเงิน 2,000 บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อบรรเทาทุกข์บุตรทั้งสองคน หลังจากนี้จะทำเรื่องครอบครัวอุปถัมย์ เพื่อให้บุตรผู้ต้องหาได้รับเงินสงเคราะห์รายละ 2,000บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ถ้าหากครบ 1ปี แล้ว ความเป็นอยู่ยังไม่ดีขึ้นก็จะขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี นอกจากนี้ พมจ.ขอนแก่น ยังมอบเงินช่วยเหลืออีก 3,000 บาท
นางอภิญญา ก้อยทอง เผยถึงการแจ้งเกิดน้องไอดินว่า ตอนนี้ยังแจ้งไม่ได้ เพราะต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอก่อน จึงจะแจ้งได้ โดยให้นางบุญมา บาลี ยายของน้องไอดิน ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวสุดา เป็นคนไปแจ้งเกิด ส่วนบิดานั้นน่าจะไม่ยอมให้ตรวจ ดีเอ็นเอ เพราะหายตัวไปแล้ว
ส่วนนางสาวสุดา ทองดี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหา ที่พนักงานสอบสวน สภ.พล จ.ขอนแก่น นำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพลนั้น ยังไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำ อ.พลในช่วงเช้าที่ผ่านมา
วันนี้ทางทีมงานพัดจ๋าได้รับรายงานว่า จากความคืบหน้าคดีของแม่ใจอำมหิต ตั้งใจฆ่าลูกวัยทารก แล้วหมกป่า จนทางตำรวจสามารถจับกุมได้เรียบร้อยเเล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 29 ก.พ 59 เวลา 13.00 น. นางอภิญญา ก้อยทอง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เจ้าหน้าที่ สถานสงเคราะห์บ้านแคนทอง จังหวัดขอนแก่น นำสิ่งของเครื่องใช้ไปมอบให้กับ นางบุญมา บาลี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201 ม.1 บ้านใหม่นาเพียง ต.ใหม่นาเพียง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวสุดา ทองดี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน
หลังจากได้ของจากเจ้าหน้าที่เเล้ว คุณยายน้องไอดิน ได้ออกมาเฉลยความลับที่ทำเอาน้ำตาซึม โดยกล่าวว่า “นางสาวสุดา เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน เมื่อนางสาวสุดามีครอบครัวจึงแยกสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆกัน กับสามีและลูกชายสองคน”
เรื่องการตั้งครรภ์และการฆ่าลูกตัวเองของนางสาวสุดานั้น ยายบุญมา เผยว่า ตนและญาติพี่น้องเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางสาวสุดา แต่เมื่อทุกคนถาม ก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ต้องครรภ์ อาจจะเป็นเพราะกลัว เนื่องจากสามีทำหมันมาหลายปีแล้ว การทำร้ายและฝังลูกตัวเอง บอกตามตรงว่า ยอมรับไม่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะแก่แล้ว
เมื่อรู้ว่าหลานที่คลอดออกมาเป็นผู้ชายและยังมีชีวิตอยู่ก็ดีใจและอยากไปเยี่ยม แต่คงไปตอนนี้ไม่ได้ ทั้งอยากรับหลานมาเลี้ยงเอง แต่ไม่มีรายได้ ไม่มีใครช่วยเลี้ยง หากมีคนใจบุญรับไปเลี้ยงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีจะทำให้หลานมีอนาคตที่ดี เพราะเมื่อหลานชายโตขึ้นมา เขาจะได้ไม่มารับรู้เรื่องไม่ดีที่แม่ผู้ให้กำเนิดทำไว้
นางอภิญญา ก้อยทอง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น เผยว่า ลงพื้นที่พร้อมทีมสหวิชาชีพ เพื่อฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่ รพ.แวงใหญ่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกายของมารดาน้องไอดิน พร้อมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวของผู้ต้องหาด้วย แต่ไม่พบสามีและบุตรทั้งสองคน ทราบว่า สามีหายหน้าไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ภรรยาถูกจับตัวแล้ว ที่บ้านมีเพียงบุตรชายสองคนอาศัยอยู่ และจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า บุตรของผู้ต้องหานั้น อยู่ในความดูแลของยายหรือนางบุญมา มาโดยตลอด ทางคณะฯจึงมอบสิ่งของให้ยาในฐานะคนดูแล
โดยทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น มอบเงิน 2,000 บาท เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อบรรเทาทุกข์บุตรทั้งสองคน หลังจากนี้จะทำเรื่องครอบครัวอุปถัมย์ เพื่อให้บุตรผู้ต้องหาได้รับเงินสงเคราะห์รายละ 2,000บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ถ้าหากครบ 1ปี แล้ว ความเป็นอยู่ยังไม่ดีขึ้นก็จะขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี นอกจากนี้ พมจ.ขอนแก่น ยังมอบเงินช่วยเหลืออีก 3,000 บาท
นางอภิญญา ก้อยทอง เผยถึงการแจ้งเกิดน้องไอดินว่า ตอนนี้ยังแจ้งไม่ได้ เพราะต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอก่อน จึงจะแจ้งได้ โดยให้นางบุญมา บาลี ยายของน้องไอดิน ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวสุดา เป็นคนไปแจ้งเกิด ส่วนบิดานั้นน่าจะไม่ยอมให้ตรวจ ดีเอ็นเอ เพราะหายตัวไปแล้ว
ส่วนนางสาวสุดา ทองดี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหา ที่พนักงานสอบสวน สภ.พล จ.ขอนแก่น นำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพลนั้น ยังไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำ อ.พลในช่วงเช้าที่ผ่านมา
