เด็กหนุ่มใช้สิ่งนี้เป็นเหยื่อตกปลา หลายคนเห็นต้องบอกเลยว่าสุดยอดจริงๆ!

สำหรับการตกปลาถื่อว่าเป็นกิจกรรมสุดโปรดของหนุ่มๆหลายคน ซึ่งนอกจากจะได้ความสนุกแล้วยังได้อาหารมากคุณค่ากลับบ้านไปปรุงอาหารรับประทานอีกด้วย วันนี้ เลยมีภาพความแปลกในการตกปลามาฝาก เพราะแอบไปเห็นภาพที่ถูกแชร์กันต่อๆมา ที่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งใช้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาใช้เป็นเหยื่อล่อปลา รู้สึกว่าปลาจะชอบเหยื่อชนิดนี้ด้วยนะ เพราะมีปลาตัวใหญ่มาติดกับ ไปดูภาพกันค่ะ







Share:
อ่านต่อ

กัดฟันใช้วันละร้อย เพื่ออนาคต และเขาก็มีเงินล้านจนได้!! ด้วยวิธีเก็บเงินแบบนี้

เรียกได้ว่าทำให้หลายๆ คนมีความหวังในการมีเงินเก็บกันเลยทีเดียวกับการทุ่มเท ความมีระเบียบวินัยในการเก็บเงินของชายหนุ่มคนนี้ ที่กลับมาวางเเผนชีวิต วางแผนการใช้เงิน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน

เมื่อเร็วๆ นี้เราได้เห็นภาพเด็กน้อยถือเงินเป็นฟ่อนๆ (9 แสน) พร้อมคอมเมนต์ใน facebook “ขอชื่นชมครับคุณพ่อ” ผมนี่อยากรู้จริงๆคุณพ่อของน้องได้เงินเดือนเท่าไหร่ เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือไม่ #lonely #rooyang อ่านคอมเมนต์เรื่อยๆเจอประโยคนี้เข้าไป


“ทุก สิ่ง ทุกอย่าง อยู่ที่ความตั้งใจ เงิน จะหามาง่าย หรือยาก หากไม่รู้จักประหยัด หรือเก็บออม ก็ไม่มีอยู่ดี คิดดี ทำดี ผมสนับสนุนครับ” หลายคนชื่นชมในความรักของพ่อและความน่ารักของลูกสาวจนแอบตั้งปณิธานว่าลูกผม ต้องไม่ลำบากเหมือนกันถ้ารู้จักออมตั้งแต่วันนี้ เชื่อเถอะครับว่ามนุษย์เงินเดือนก็มีเงินล้านได้ อาจจะใช้เวลา 10 ปี ถ้าวางแผนดีๆตั้งแต่ก้าวแรก




ก้าวแรกสู่การมีเงินล้าน

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคนครับ ผมชื่อ Tom Percy … จุดประสงค์ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเด็นครับ

1.ต้องการขอบคุณแบบอย่างที่ดีทุกท่านในกระทู้พันทิป หรือจากเพจต่างๆ ที่เป็นแนวทางให้ผมจากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ไม่มีเงินเก็บได้รู้จักเก็บ เงิน

2.ต้องการเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคน ที่ไม่มีเงินเก็บเลยได้มีโอกาศได้เก็บเงินสู่ความมั่งคั่งในอนาคต

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ที่รายได้ไม่ได้มากมายอะไร ทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ และใช้ชีวิตแบบเหนือมาตรฐานเงินเดือนที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟสุดหรูแก้วละ 50-60 ต่อวัน หรือจะเป็นบุฟเฟ่ต์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังทุกวันอาทิตย์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อมาทดแทนแรงกายที่เสียไปในแต่ละวันของการทำงาน

แต่แล้ววันหนึ่งผมเริ่มเห็นเพื่อนหลายคนแต่งงาน มีรถ มีบ้าน ไปต่างประเทศ และมีเงินเก็บมากมาย ทั้งๆที่วิถีชีวิตของเพื่อนๆผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมใช้เลย แต่กลับใช้ชีวิตเรียบง่าย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหันกลับมามองตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง


หลังจากที่ผมคิดได้แล้ว ก็เริ่มมาศึกษาหาข้อมูลต่างๆในเพจต่างๆ รวมทั้งพันทิป มีคนมากมายสอนวิธีการเก็บเงิน วิธีรวยต่างๆมากมาย ซึ่งนั่นเองทำให้ผมรู้ว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงไม่มีเงินเก็บเลย แถมชักหน้าไม่ถึงหลัง เดือนชนเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากผมศึกษามาหลายแบบ ก็เริ่มตัดสินใจลงมือทำทันที ถึงจะช้าไป(ตอนนี้อายุ30แล้ว) แต่ผมคิดว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป อายุเป็นแค่ตัวเลขจริงไหมครับ? ผมเลยลำดับมาคร่าวๆตามนี้ครับ

1.ตั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายทางการเงิน

ตลอดชีวิต30ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรเลยสักครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องตั้งเป้าหมาย ได้แต่ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน เดือนชนเดือน ซึ่งหลังจากที่ผมทำการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต มันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเก็บเงิน อย่างน้อยก็รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ผมตั้งเป้าหมายว่าต้องเก็บเงินไปต่างประเทศให้ได้ภายใน2ปีนี้(เกิดมาไม่เคย ไปต่างประเทศเลย) และนั่นทำให้ผมเริ่มมีกระปุกออมสินพิเศษ นั่นคือ “กระปุกออมประสบการณ์จากต่างแดน” เป็นใบแรก

2.เริ่มจดบัญชีรายรับ-รายจ่าย

ปกติทุกครั้งที่ผมจ่ายเงินออกไป จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ่ายค่าอะไรไปบ้าง คือในกระเป๋ามีเงินอยู่เท่าไรต้องใช้ให้หมด เพราะมันคือความสุขในการใช้ชีวิต และผมได้ใช้ชีวิตแบบไฮโซโก้เก๋ด้วย ซึ่งนั่นคือความคิดที่ผิดมาก แต่หลังจากที่ผมทำบัญชีรายรับรายจ่าย แรกๆก็ขี้เกียจที่จะลงบันทึกทุกสิ่งอย่าง แต่หลังจากที่ได้ทำมันแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้ทำให้ผมมีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น คิดก่อนใช้(เพราะขี้เกียจจดเลยไม่จ่ายดีกว่า)


3.แบ่งเงินใช้ในแต่ละวัน

ปกติผมจะกดเงินสดมาไว้ในกระเป๋าครั้งละหลายบาท พอใช้หมดก็กดใหม่ เป็บแบบนี้ไปจนสิ้นเดือนและเงินก็หมดในที่สุด ผมเจอวิธีนี้จากเพจเช่นกัน ผมจึงเริ่มทันทีด้วยการแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ ผมเชื่อว่าการกินวันละ100บาทนั้นสามารถอยู่ในกรุงเทพฯได้(มีคนทำมาแล้ว) ผมก็เลยแบ่งเงินออกเป็น30กอง กองละ 100 บาท และสามารถใช้ได้แค่วันละ100เท่านั้น(เฉพาะเงินกิน ไม่รวมค่าเดินทางและอื่นๆ) ซึ่งตอนแรกผมมองว่าโครตยาก แต่หลังจากลงมือทำไปได้สัก 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่อ ผมสามารถกินอาหารได้วันละ 100 บาทได้จริงๆด้วย

***สำหรับที่ถามว่า 100 บาทผมกินอะไร ในเมืองกรุง
เช้า แซนวิชโฮลวีต(เน้นผัก) 30 บาท
กลางวัน ข้าวแกงปลอดสารพิษ ร้านป้า ข้างที่ทำงาน 35 บาท
เย็น ก๋วยเตี๋ยว/สลัดผัก 35 บาท
รวมทั้งสิ้น 100 บาท (และต้องหยอดกระปุกเพิ่มด้วย 20 บาท จากเงินที่มีอยู่)


4.เก็บภาษีเงินได้ และภาษีเงินจ่าย(ทันที)

ผมตั้งกฏไว้อีกหนึ่งข้อว่า ไม่ว่าจะรับเงินมากจากทางใดก็ตาม(รวมทั้งเงินเดือน) ต้องเก็บในกระปุกทันที 10% และ ไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องกินหรือเรื่องเที่ยว(ยกเว้นค่าผ่อนรถ ค่าไฟ ค่าน้ำ) ให้เก็บเงินเข้ากระปุกทันที 20% นั้นก็คือ หากซื้อข้าวจานละ 100 บาท นั่นผมต้องจ่าย 120 บาทเลยทีเดียว โอย..คิดหนักๆ แต่สิ่งนี้ทำให้ผมมีเงินเก็บอีกหนึ่งกองด้วยกัน

หลังจากหยอดทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือน ก็มีเงินพอสมควร


หลังจากนั้น ผมก็จดจำนวนเงินนั้นใส่การ์ดไว้ แล้วนำการ์ดนั้นใส่กระปุกไว้ เพื่อให้รู้ว่าเดือนนั้นเราเก็บเงินได้เท่าไร


5.ลงทุน
ผมเริ่มศึกษาการลงทุนรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LTF RMF หรือหุ้น หรือเงินออมทรัพ ประกันชีวิต มีมากมายก่ายกองสำหรับการลงทุนเพื่อใช้เงินไปทำงานแทนเรา ผมเองก็เริ่มเช่นกัน นำเงินที่ได้จากการเก็บนี้แหละครับ ไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผมเริ่มจากกองทุนรวมที่ไม่มีขั้นต่ำ เพราะเงินเก็บเดือนแรกไม่ได้มากมายอะไร และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปลงทุนในอาชีพเสริม ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้น และผมเชื่อว่าพี่ๆน้องที่อ่านอยู่นี้ มีวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สินหลากหลายวิธีมากกว่าผมแน่นอน

สุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถึงแม้จะได้ประโยชน์มากน้อยอย่างไรกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจนั่นก็คือ ผมได้ตอบแทนบุญคุณพี่ๆน้องที่เขียนประสบการณ์แบบนี้ ในเพจต่างๆและพันทิปไว้ ซึ่งผมนำมาใช้และทำ ทำให้ผมมั่นใจว่าเงินหนึ่งล้านแรกไม่น่าจะยากจนเกินไปสำหรับผม ผมเป็นลูกชาวนา ไม่ได้มีเงินทองมากมายติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ผมตั้งใจที่จะส่งต่อประสบการณ์นี้ ให้กับคนรุ่นต่อไป ตอบแทนสังคมคืนกลับไป

ปล.1. ขอบคุณเพื่อนรักผมมาก ที่บอกว่า “วันๆเห็นแต่เอ็งโพสวิธีใช้เงิน ทำไมไม่โพสวิธีหาเงินบ้างวะ” วันนี้มาโพสให้แล้วนะเพื่อน
ปล.2. ไม่รู้แท็กถูกห้องหรือเปล่านะครับ ถ้าผิดรบกวนแจ้งด้วยครับ โพสแบบนี้ครั้งแรกจริงๆ

ที่มา: http://www.hotnewshotclip.com/2016/02/blog-post_12.html
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

กระจกมองหลังในรถยนต์ที่จริงต้องใช้แบบนี้

คนที่ขับรถยนต์ทั้งหลายคงเคยอ่านคู่มือการใช้กระจกมองหลังใช่ไหม แต่ปรับแล้วก็ยังมีบางส่วนที่ยังมองผ่านกระจกไม่เห็น


ภาพด้านล่างนี้เป็นกระจกข้างด้านขวา(right side mirror)เวลาเรามองจะเห็นเป็นลักษณะนี้


1/3ของกระจกจะเป็นตัวรถของเรา 2/3ของกระจกจะเป็นด้านข้างนอกตัวรถ
ภาพด้านล่างนี้เป็นวิวที่เราเห็นผ่านกระจกมองหลัง(review mirror)


เรามองไปที่กระจกข้างขวากันอีกครั้ง


มีอะไรผิดปกติไหม มาดูกัน


ในสองรูปนี้ส่วนที่เป็นสีแดงคือจุดเดียวกัน เพราะฉะนั้นภาพที่เห็นผ่านกระจกมองข้างนั้นไม่ใช่ด้านข้างทั้งหมด แต่เป็นด้านหลัง!

แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง

ก่อนอื่นจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วค่อยเริ่มปรับกระจก

กระจกด้านซ้าย: มองจากด้านชิดหน้าต่างด้านในรถทางซ้าย แล้วปรับกระจกให้มองเห็นด้านข้างทั้งหมดโดยไม่เห็นรถตัวเองในกระจก

กระจกด้านขวา: มองจากจุดตรงกลางรถระหว่างเบาะที่นั่งทั้งสอง แล้วปรับให้เห็นวิวด้านข้างทั้งหมด โดยไม่เห็นรถตัวเองในกระจกเช่นกัน

มาดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง


ณ ตำแหน่งเดิม แต่เราสามารถมองเห็นรถที่จอดอยู่ข้างๆที่ตอนแรกมองไม่เห็น!

ขับรถไปด้านหน้า3เมตร ให้เห็นรถคันที่จอดอยู่ผ่านกระจกมองหลัง


จากรูปจะเห็นได้ว่าเราเห็นวิวด้านขวาได้ชัดเจนมากขึ้น เห็นรถด้านข้างที่จอดอยู่ทั้งในกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง

มาดูกระจกด้านขวากันอีกครั้ง


จากรูปบน จะเห็นได้ว่ากระจกด้านข้างเราเห็นวิวรถคันเดียวกัน ทำให้เราไม่มีทางพลาดที่จะไม่เห็นรถคนนี้ในกระจกเลย

ตอนนี้ให้ถอยรถไปอีก6เมตร (3เมตรจากตำแหน่งแรก)

แล้วมาดูวิวที่เราเห็นจากกระจกในรถยนต์


เราจะยังเห็นท้ายรถที่จอดอยู่ด้านข้างผ่านกระจกด้านขวา

เมื่อมองไปที่หน้าต่างด้านขวานอกตัวรถ


ในมุมนี้เราไม่จำเป็นต้องหันไปมองเลย แค่มองผ่านกระจกในรถยนต์ก็เห็นรถที่จอดอยู่ด้านข้างแล้ว

ก่อนขับรถทุกครั้งให้ปรับกระจกรถยนต์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ชัดเจนเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่!

credit: liekr.com
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

รางวัลของผู้ซื่อสัตย์

คุณน่าจะชอบ::ตรวจสุขภาพแค่ไหนพอเหมาะ?

สุขภาพต้องตรวจเช็ค ถ้าอย่างนั้นแค่ไหนพอดีเหมาะสม
"เคยมีการประเมินไหมว่า คนๆ นั้นมีภาวะซึมเศร้า อย่างบางคนกระโดดตึกตาย ถ้าเราคัดกรองตั้งแต่แรกได้ว่าเขามีความเสี่ยง เราก็จะรู้ว่า คนๆ นั้นต้องได้รับการดูแลและป้องกันโรค" ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ รักษาการ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กล่าวถึงสิ่งที่ตกหล่นในการตรวจสุขภาพที่พอดีและเหมาะสม
ว่ากันว่า ในการตรวจสุขภาพทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่มีการคัดกรองโรคซึมเศร้า และแทบจะไม่ให้ความสำคัญ ทั้งๆ ที่ควรมีเรื่องเหล่านี้อยู่ ถ้าอย่างนั้นการตรวจสุขภาพเบื้องต้นแค่ไหนจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กำลังทำเรื่องนี้อยู่

จากผลสำรวจการตรวจร่างกายของคนไทย ปี 2551-2552 พบว่า ประชาชนบางส่วนไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือป่วยเป็นโรค หนึ่งในสามของคนเป็นเบาหวานไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นเบาหวาน และกว่าครึ่งของคนเป็นความดันโลหิตสูง ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยมาก่อน

ส่วนในปี 2549-2550 สตรีอายุ 15-59 ปี เคยได้รับการตรวจปากมดลูกเพียงร้อยละ 42.5 ในขณะที่ก่อนปี 2549 เคยได้รับการตรวจเพียงร้อยละ 18.3 ทั้งๆ ที่ภาวะเสี่ยงและโรคต่างๆ สามารถตรวจพบได้ ด้วยวิธีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และสามารถป้องกันและบำบัดรักษาได้แต่เนิ่นๆ

แม้การตรวจสุขภาพจะเป็นเรื่องจำเป็น แต่คนจำนวนมากก็ละเลย รอให้ป่วยก่อนค่อยไปหาหมอ ดังนั้นอีกไม่นานทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จะมีคู่มือให้ประชาชนรู้ว่า แต่ละช่วงวัยต้องตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา มีการตรวจสุขภาพในห้องปฎิบัติการที่ไม่จำเป็นอยู่หลายเรื่อง อาทิ
"การตรวจระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด แทบจะไม่มีประโยชน์เลยในการวิเคราะห์การเพิ่มระดับ non-HDL cholesterol" จากรายงานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญบนพื้นฐานประสบการณ์คลินิก " ,"การตรวจ chest x-ray การคัดกรองมะเร็งปอดทุกปี เมื่อเทียบกับกลุ่มไม่คัดกรอง ก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลย" จากการศึกษาแบบกลุ่มสุ่มตัวอย่าง-ควบคุม ฯลฯ
ตรวจสุขภาพ ไม่ใช่แค่ผลแล็บ

ถ้ายังไม่ป่วย และต้องการแค่ตรวจดูว่า สุขภาพส่วนไหนเจ็บป่วย เพื่อจะได้รีบบำบัดแก้ไข ดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค ซึ่งมาตรฐานการตรวจสุขภาพทั่วไปที่ประชาชนควรรู้ ถ้าใช้เกณฑ์แค่วัยทำงาน 18-60 ปี ก็จะมีการซักประวัติ เพื่อค้นหาความผิดปกติทั่วไป ,ประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ ซึ่งมีการประเมินภาวะซึมเศร้า, ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด,ประเมินระดับการติดบุหรี่ สุรา และสารเสพติด ซึ่งมีผลต่อร่างกาย รวมถึงการตรวจในห้องปฎิบัติการ
ตรวจสุขภาพแค่ไหนพอเหมาะ? thaihealth

"บางทีการตรวจสุขภาพก็พึ่งเทคโนโลยีมากไป แต่บางครั้งเทคโนโลยีก็ไม่ได้ตอบโจทย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางทีก็มีผลบวกลวง (False positive-หมายความว่า ผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรค แต่ผลการตรวจกลับบ่งบอกว่าเป็นโรค) อย่างผลออกมาคุณเป็นมะเร็ง แต่จริงๆ แล้วคุณปกติ หรือตรวจออกมาเป็นเอชไอวี แต่คนไข้ไม่ได้เป็นโรค เพราะเครื่องมือลวงบอกว่าเป็นโรค ซึ่งไม่มีเครื่องมือไหนตรวจแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก " คุณหมออรรถสิทธิ์ เล่า เพื่อให้เห็นว่า บางทีเทคโนโลยีก็สร้างปัญหาให้กับคน
และไม่ใช่แค่ผลบวกลวง ยังมีผลลบลวง (False negative- หมายความว่า ผู้ป่วยเป็นโรคจริง แต่ผลการตรวจกลับไม่พบ ) ซึ่งเรื่องนี้คุณหมอบอกว่า เครื่องมือที่ดีต้องแสดงผลบวกจริงหรือผลบวกแท้ คือ ผู้ป่วยเป็นโรคจริง และผลการตรวจก็บ่งบอกว่าเป็นโรคชนิดนั้นจริง
"ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องตรวจยืนยันด้วยวิธีอื่นอีก เหมือนที่ผมบอก การใช้แครื่องมือพวกนี้ ไม่มีอะไรเต็มร้อย"








Credit: หมอดูตัวดำ3
ขอขอบคุณ Sagami Original Thailand
ถุงยางที่บางที่สุดในโลก ซากามิ0.02 บางเหมือนไม่ได้ใส่
Share:
อ่านต่อ

Discussion revealed masturbate wet but actually finished it?

สร้างประวัติศาสตร์ในวงการภาพยนตร์อีโรติกเลยทีเดียวสำหรับ “อุ้ม ลักขณา วัธนวงศ์สิริ” หลังจากตัดสินใจรับบท “ส้ม” ในภาพยนตร์ “น้ำตาลแดง” เพราะหนังเรื่องนี้ถึงจะไม่มีฉากเลิฟซีนจ๊วบจ๊าบซู่ซ่ากับดาราหนุ่มๆ แต่ก็มีฉากที่อุ้มต้องปลดเปลื้องอารมณ์โดยการ “สำเร็จความใคร่” ตัวเองในห้องน้ำ แถมยังมีการสัมผัสน้ำรักของตัวเองทั้งดูดทั้งดมอีกต่างหาก….โอ้ววว

โดยฉากนี้ถูกเผยแพร่อยู่ในหนังเรื่องดังกล่าวยาวนานเกือบ 10 นาทีเต็มชนิดไม่มีตัดต่อ เล่นเอาคนดูแทบจะกลั้นใจตาย เพราะว่ากันว่าฉากนี้อุ้มเล่นได้อินสุดๆ จนเป็นที่ถกเถียงกันว่า อุ้มปฏิบัติการสำเร็จความใคร่ตัวเองจริงๆ หรือเปล่า ?!

รวมไปถึงฉากที่ต้องสักบริเวณเนินอวัยวะเพศ ซึ่งในหนังเผยให้เห็นถึงขั้นตอนการสัก เริ่มตั้งแต่การโกนขนบริเวณดังกล่าวเลยทีเดียว เล่นเอาคนดูอึ้งเลยทีเดียวว่า นี่โกนจริงหรือสแตนด์อิน ก็ฮอตซะขนาดนี้บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ก็เลยไม่พลาดที่จะจับอุ้มมาเผยให้หมดเปลือก ชนิดล้วงลึกใต้กระโปรงเลยทีเดียว

ผลก็คือ อึ้ง ทึ่ง เสียว เพราะเจ้าตัวคอนเฟิร์มแบบตรงๆ ว่า สองซีนสุดสะเด่าดังกล่าวว่า ช่วยตัวเองจริง เปียกจริง โกนจริง แต่เสร็จหรือเปล่า….

“สำหรับหนังเรื่องนี้ถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการ เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่มีการจัดเรตติ้งจริงๆ ตอนที่ติดต่อมาเขาบอกว่า เขาค้นหานักแสดงมาครึ่งปีกว่าจะมาลงตัวเป็นอุ้ม โจทย์ของผู้กำกับก็คือต้องการให้ส้มหรือตัวนางเอกเนี่ย เป็นผู้หญิงที่หน้าไทยผิวแทนดูคมๆ นิดนึง พอเขามีโอกาสได้มาเจออุ้มและพูดคุยกันก็กลายเป็นว่า เราคือคาแรคเตอร์ที่เขาตามหาอยู่”


“พอคุยเรื่องคาแรคเตอร์เสร็จก็มาคุยเรื่องของบท เขาก็ส่งบทมาให้อ่าน พออ่านแล้วก็อึ้งไปเลยมันต้องมีฉากนี้ด้วยเหรอ แต่พอได้พูดคุยกับผู้กำกับก็ทำให้เรารู้ถึงที่มาที่ไปของฉากนี้ มันมีเหตุผลของมัน มันมีความจำเป็นจะต้องมี และพอมีออกมาแล้วก็ไม่ได้ทำให้หนังดูน่าเกลียดหรืออนาจาร แต่มันกลับเป็นอีกมุมหนึ่งที่เป็นแง่คิดให้กับผู้หญิงว่า มันไม่จำเป็นจะต้องไปวันไนท์สแตนด์หรือไปนอนอะไรกับใคร”

“คือผู้หญิงเราทุกคนมีความต้องการ มีความปรารถนา แต่ว่าแรงปรารถนานั้นเราจะแสดงออกเป็นรูปแบบไหน บางคนอาจจะคิดว่าการมีเซ็กส์เป็นเรื่องง่ายๆ แค่มีอารมณ์ก็มีอะไรกัน ซึ่งตัวละครตัวนี้มีความเป็นผู้หญิงไทยมีความต้องการ แต่เราเลือกที่จะเก็บเอาไว้ และเราก็สามารถทำด้วยตัวเองก็ได้นิ ไม่จำเป็นจะต้องจบด้วยการไปนอนกัน ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ดีนะเพราะเรามีความต้องการแต่เราก็ไม่ได้ไปมั่วกับใคร”

“แล้วมาดูตัวละครก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มาก อุ้มไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องทำผม ไม่ต้องทำให้ตัวเองดูเซ็กซี่ มันไม่ต้องประดิษฐ์ขึ้นมาว่าฉันเซ็กซี่ แต่มันเซ็กซี่โดยอารมณ์ของตัวละคร เราชอบมากรู้สึกว่ามันเจ๋ง เราไม่ต้องแต่งหน้าไม่ต้องทำอะไร แต่ออกมาแล้วมันใสมากเป็นผู้หญิงที่มีอยู่จริงบนท้องถนนทั่วไป บทของส้มจะเป็นผู้หญิงที่มาจากต่างจังหวัด ทำงานนวดอยู่ข้าวสาร”

อินจัด “สำเร็จความใคร่” จริง !

“อุ้มเล่น 10 นาทีเทคเดียวผ่าน มันเป็นฉาก LONG TAKE เล่นยาวเลยและเขาก็เอาทั้ง 10 นาทีมาฉายโดยที่ไม่มีการตัดต่อ แต่ตอนถ่ายก็จะมีบางช็อตที่มีการรับภาพใกล้ แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเลือกจริงๆ เขาก็เอาภาพที่รับใกล้ๆ กับภาพที่เป็นฉาก LONG TAKE ไปให้ทางคณะกรรมการดู ให้นิสิตนักศึกษาดู ซึ่งทุกคนดูแล้วก็บอกว่าฉากที่เป็น LONG TAKE ได้อารมณ์กว่า ทั้งๆ ที่ฉาก LONG TAKE แทบจะไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นหัวนม ไม่เห็นเต้านมเต็มๆ แต่ฉากที่รับภาพใกล้ๆ ที่เห็นหัวนมกลับไม่ได้อารมณ์เท่ากับฉาก LONG TAKE”

“อารมณ์การแสดงของอุ้มมันเริ่มมาจาก ค่อยๆ มีความต้องการจนกระทั่งถึงจุดจบ มันก็เลยเป็นอะไรที่ทรมานใจมากกว่าการตัดภาพรับภาพ คือฉากที่เป็น LONG TAKE มันทำให้คนดูลุ้นมากกว่า ลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ลุ้นว่าจะเห็นอะไรไหม ลุ้นว่ากางเกงจะหลุดหรือเปล่า ลุ้นว่าจะถอดเสื้อหรือเปล่า”

“วันที่จะเข้าฉากนี้รู้สึกตื่นเต้นมากๆ คืนนั้นนอนไม่หลับเพราะไม่รู้จะเล่นยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นกับอารมณ์และความพยายามของอุ้มเอง วันนั้นกินข้าวไม่ลงเลย เครียดมาก ห่วงโป๊ก็ห่วง ห่วงว่าจะเล่นไม่ดีก็ห่วง แต่พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยปุ๊บ อุ้มก็ทำสมาธิอยู่พักนึงค่อยเริ่มการแสดง”

“ทางผู้กำกับไม่ได้มาไกด์เลยว่า ต้องเริ่มต้นยังไง ทุกอย่างเป็นการแสดงของอุ้มหมด เขาบอกแค่ว่า ถ้าเราเป็นส้มแล้วเรารู้สึกแบบนั้นเราจะแสดงออกมายังไง พอถึงเวลาเราก็สวมวิญญาณเข้าไป แล้วเราก็เริ่มจากความรู้สึกจริงๆ ที่มันมาจากตัวละครตัวนั้น เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นอุ้มไง ถ้าคิดว่าเป็นอุ้มก็คงเล่นไม่ได้เราคงอาย”

“อุ้มหลับตาแล้วก็นึกถึงตอนนี้ว่าเรากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่ เราต้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมา ถ้าเราเล่นไม่ดีเล่นไม่ได้ บทนี้จะแบบดูไม่ได้เลยเพราะมันเป็นไฮไลท์ของเรื่อง และหนังเรื่องนี้มันก็เป็นประวัติศาสตร์ เพราะเราเป็นนักแสดงในประเทศไทยคนแรกที่กล้าจะเล่นบทแบบนี้ ต้องใช้สปิริตสูงมากนะคะถึงจะเล่นได้ การเล่นเลิฟซีนกับผู้ชายยังง่ายกว่า”

หลายๆ คนที่ดูหนังเรื่องนี้ต่างสงสัยว่า ตอนที่ “อุ้ม” เข้าฉาก “ช่วยเหลือตัวเอง” เจ้าตัวจินตนาการถึงอะไร ภาพในหนังถึงได้ออกมาเด็ดสะเด่าขนาดนั้น
“อุ้มคิดถึงพระเอกค่ะ คิดถึงฉากนวดซึ่งเป็นฉากก่อนที่จะเกิดฉากนี้ขึ้น คือเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรักความรู้สึกความปรารถนาผ่านการนวดโดยที่เราไม่ได้มีเซ็กส์กัน แต่มันมีการถูกเนื้อต้องตัวและทำให้มีอารมณ์เกิดขึ้น เรานึกถึงว่าฉากนั้นเราเล่นอะไรไปบ้าง พอนึกถึงได้ปุ๊บเราก็ค่อยๆ จินตนาการมันขึ้นมา และก็ค่อยๆ ไต่ระดับความต้องการของตัวเองขึ้นมา ค่อยๆ สร้างความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา (ว่าพอนวดเสร็จแล้วมีอะไรกันเราก็จินตนาการไป) ใช่ค่ะจินตนาการไป”

อินจริงๆ หรือเปล่า
(หัวเราะชอบใจเสียงดัง) “มันก็อินเนอร์จริงๆ ค่ะ เรารู้สึกจริงๆ เราเล่นจริงๆ มันก็เลยออกมาเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ ทุกอย่างมันต้องเป็นอะไรที่มันจริงอยู่แล้ว เพราะถ้าอะไรมันหลอกคนดูจะจับผิดได้ ถ้ามันคือการหลอก ถ้ามันคือการเสแสร้งแกล้งทำ แต่อันนี้มันไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำมันคือการทำจริงๆ หรือเปล่า จนคนคิดว่าเฮ้ย…นี่ทำจริงๆ หรือเหรอ เฮ้ย….นี่สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าอะไรอย่างนี้ อันนี้ไอ้สำเร็จจริงๆ หรือเปล่าไม่บอกแล้วกัน แต่ว่าเล่นจริงๆ ทำจริงๆ”

ถ้า “อุ้ม” บอกว่า การเล่นฉากนี้คือการแสดงของตัวเองล้วนๆ ที่เล่นไปตามอารมณ์และจินตนาการของตัวเอง ก็ถือว่าเจ้าตัวแรงไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว เพราะในฉากมีการดูดดมสัมผัสน้ำรักของตัวเองผ่านมือด้วย
“ผู้กำกับเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเขาเป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นอารมณ์ของผู้หญิงมันมีอารมณ์เซ้นซิทีฟมีอารมณ์ที่นุ่นนวลนุ่มลึกกว่าผู้ชาย มันไม่ใช่อารมณ์รุนแรงแบบป๊ะๆๆ กันแบบนั้น แต่มันเป็นอารมณ์ที่เป็นศิลปะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”

“อย่างในฉากที่มีน้ำแล้วเอามาสัมผัสมาลองดมลองกิน อันนั้นผู้กำกับก็บอกมาว่า อยากให้มีฉากนั้นด้วย อยากให้มีการกระทำแบบนั้นด้วย (เพื่อ….) เพื่ออะไรเหรอคะ มันก็คงเป็นอารมณ์หนึ่งของความเป็นส่วนตัว ตอนนั้นเราอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งมันเป็นที่ส่วนตัว ผู้หญิงคนหนึ่งมีความต้องการและอยากรู้สึก อยากได้กลิ่น อยากสัมผัส มันเป็นเหมือนการสัมผัสตัวเองและสัมผัสผ่านไปยังพระเอกด้วย คือมันต้องการจะสื่ออารมณ์”

ก็เล่นสมจริงสมจังซะขนาดนั้น เราก็เลยอดถามไม่ได้ว่า ฝ่ายพร็อบใช้อะไรแทนน้ำของจริง ให้กินอะไร ดมอะไร เล่นเอา “อุ้ม” ถึงกับหัวเราะร้อง “ว้าย..” เลยทีเดียว ก่อนจะตอบว่า….
“ก็หนูจับอะไรอยู่ก็…(หัวเราะฮ่าๆ) มันเห็นน้ำเลยเหรอคะ (ใช่…มันเป็นฉากยาวแสดงว่าของจริง) ใช่ค่ะมันเป็นฉากยาว”

You Might Also LIKE


ที่มา:thaiznews
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

ทิ้งเกลือหลอมละลายลงไปในตู้ปลา สิ่งที่เกิดขึ้น น่ากลัวมากกกก!

เป็นอีกครั้งกับการทดลองแปลกๆที่นำมาให้เราทึ่งกันอีกครั้งกับ The Backyard Scientist กลุ่มบล็อกเกอร์แนววิทยาศาสตร์ที่สรรหาการทดลองแปลกใหม่มาให้เราตื่นตากัน แม้ว่าบาครั้งเราก็สงสัยว่าทำไปเพื่ออะไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความอยากรู้อยากเห็นไม่ว่าเรื่องนั้นจะสร้างสรรค์หรือไม่ก็ตาม ถ้าได้คำตอบที่น่าพอใจก็ถือว่าคุ้มกับที่ลองเสี่ยงดู

มาครั้งนี้นำเกลือมาหลอมละลายด้วยความร้อนอุณหภูมิ 800 องศา และนำไปหย่อนลงในตู้ปลาจะเกิดอะไรขึ้น ในคลิปดังกล่าวนำเสนอภาพแบบสโลโมชั่นให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นขึ้นอย่างชัดเจน ขอบอกว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่คาดคิดมากๆ ไปชมกันเลย



credit: TheBackyardScientist
Share:
อ่านต่อ

วิธีปลดล็อคไอโฟน แบบไม่ต้องใช้รหัส วิชามารง่ายๆ บอกเลยว่าอย่างเจ๋ง!

เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนต่างก็มีการล็อคด้วยรหัสทั้งนั้น!! ซึ่งบางทีการอาจจะยากต่อการสอดรู้สอดเห็นของคุณสักเล็กน้อย! แต่บอกเลยว่าวันนี้เรามีวิชามารที่บางทีคุณควรจะมีติดตัวเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน กับ วิธีปลดล็อคไอโฟน แบบไม่ต้องใช้รหัส แบบมันสุดยอด!!

พูดไปก็อาจจะเป็นการไม่น่ารักไปสักหน่อย กับการที่คุณจะอยากสอดรู้สอดเห็นโทรศัพท์ของคนอื่นแม้ว่าคุณจะไม่รู้รหัสของเขาเลยก็ตาม!! แต่เอาเถอะ ถึงอย่างนั้นคุณก็ควรจะมีวชานี้ติดตัวเอาไว้ใช้ยามจำเป็นหรือเอาไปอวดเพื่อนในความอัจฉริยะของคุณ มาดูกันเลยดีกว่าว่า วิธีปลดล็อคไอโฟน แบบไม่ต้องใช้รหัส มันทำยังไง!!



ขอบคุณคลิปจาก

Ahmed Ahmed
Share:
อ่านต่อ

มื่อแฟนคลับขอถ่ายรูป แต่เผลอใช้แฟลช เด็กน้อยถึงกับลั่นประโยคแบบนี้ !

ทำเอาเหล่าแฟนคลับอึ้งหนักมาก เมื่อซุปตาร์ตัวน้อยอย่าง น้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ ลูกสาว พ่อปอจ๋า กับ แม่โบว์ แวนด้า ที่ล่าสุดมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้โพสต์คลิปสุดช็อคผ่านไอจี โดยเหตุการณ์ภายในคลิป น้องมะลิ กำลังโดนแฟนคลับจำนวนมากขอถ่ายรูป แต่ทว่าดันมีแฟนคลับคนหนึ่งลืมปิดแฟลช ทำให้ซุปตาร์ตัวน้อยถึงกับต้องลั่นประโยคนี้ "ปิดด้วย" งานนี้ทำเอาหลายคนขำขันกับพฤติกรรมสุดน่ารักของนางกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว !!!






ขอบคุณภาพและคลิปจาก IG annamali92
Share:
อ่านต่อ

เมื่อชาวเน็ตออกโรงเตือน ใครที่จะไปวัดห้วยมงคล หัวหิน ขากลับถ้าเจอพระโบกรถ จงอย่าได้จอด เพราะเหตุผลนี้

ริง ๆ แล้วการที่เรามีจิตใจอันเป็นกุศลคิดจะทำดีสักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่ดีอย่างไร เมื่อเราทำดีไปแล้ว ก็ถือว่าได้บุญจบเป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าหากว่าเรามารู้ทันว่าเอ๊ะ สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูก การออกมาบอกมาเตือนคนอื่น ๆ นั้นก็ถือว่าได้บุญเช่นกันนะ อย่างเรื่องที่สมาชิกพันทิปท่านหนึ่งชื่อว่า คุณ bha_nuwat13 ได้นำมาแชร์ให้ได้รู้กันว่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระ 2 รูปที่มาโบกรถของเขานั้น ว่าดังนี้…


อ้างอิงเรื่องราวจากคุณ bha_nuwat13

พึ่งเจอมากับตัวเองนะครับ ผมและครอบครัวไปเที่ยวหัวหิน กัน แล้วก็ไปสักการะหลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล กัน ขากลับขับรถออกมาสักพัก (ช่วงที่สองข้างถนนไม่มีร้านค้าอะไรเลย) จะเห็นพระ 2 รูป (ไม่รู้พระจริงหรือปลอม) โบกรถแล้วทำมือ ทำท่ายกแก้วกินน้ำ เพื่อทำให้เราเข้าใจว่าท่านหิวน้ำ พอดีเราขับเลยไปจอดไม่ทัน ขับต่อไปอีกสักพัก ไม่ห่างกันเท่าไหร่ก็เจออีก 2 รูป ทำท่าเดียวกันเลย คือทำท่าดื่มน้ำ พอดีว่าบนรถเราไม่มีน้ำติดมาเลย และด้วยความที่แดดแรงมาก ร้อนสุดๆ เราก็เลยนึกสงสาร ก็เลยตัดสินใจกลับรถ เพื่อไปซื้อน้ำและแถมซื้อสปอนเซอรฺ์ให้ด้วย

ซื้อแล้วก็ขับออกมา แล้วแวะเพื่อเอาน้ำให้ พอเอาน้ำให้ พระก็ชวนคุยถามนั่นนี่แล้วก็บอกว่ากำลังจะไปกาญจนบุรี ไหนๆโยมก็มีจิตใจเมตตาแล้วก็อยากจะให้โยมช่วยบริจาคปัจจัยเพื่อเป็นค่ารถ…พอได้ยินปุ๊บเราก็รู้ทันทีเลยว่า ไม่ใช่แล้ว แต่ก็บอกปัดไปว่า พอดีไม่มีเงินสดติดมาเลยครับ แล้วก็ขับรถออกมา พอขับรถออกมา เราก็มองกระจกหลัง สิ่งที่เห็นคือ มันหยิบสปอนเซอร์ใส่ย่าม แล้วก็โยนถุงขวดน้ำที่ซื้อให้ทิ้ง เราก็จึงมั่นใจทันทีเลยว่า ไม่ใช่พระจริงแน่นอน แต่ก็ไม่อยากคิดไรมาก

ขับมาเจออีก2 เราก็เลยให้ลูกลงเอาน้ำไปให้แล้วเราก็ถ่ายรูปไว้ สรุปว่าพูดเหมือนกันเลย คือขอเงินค่ารถ เราก็บอกแบบเดิมคือไม่มีเงินสดมาเลย แล้วก็ขับรถออกมา เลยอยากจะฝากเตือนเพื่อนๆที่ไปเที่ยววัดห้วยมงคล ออกมาถ้าเจอ พระโบกรถทำท่าขอน้ำดื่ม ไม่ต้องจอดนะครับ ขับไปเลยไม่ต้องสงสาร
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

ผูกคอดับคาบ้านหรู สุดสลดเมื่อได้อ่านจดหมายที่ทิ้งไว้ก่อนตาย

มีแหล่งข่างแจ้งว่า //เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ตุลาคม มีชายผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในหมู่บ้าน เดอะ วิลล่า ซอย 3 บ้านเลขที่ 199/198 หมู่ 13 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี



ที่เกิดเหตุพบร่างของนายพร อายุ 44 ปี มีอาชีพค้าขายสุนัขพันธุ์ชิวาวา ใช้สายจูงสุนัขผูกคอตัวเองกับราวบันไดบ้านชั้น 2 สภาพศพห้อยตัวลงมาที่ทางขึ้น-ลงของบันได สวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีแดง บริเวณชั้นล่างพบสุนัขพันธุ์ ชิวาวา 3 ตัวที่ผู้เสียชีวิตนำมาเลี้ยงและเพื่อขายต่อ

รวมทั้งพบจดหมายเขียนระบุมอบทรัพย์สินต่างๆ ให้พี่น้องแต่ละคนและข้อความตัดพ้อไม่อยากเป็นภาระใคร ซึ่งวางไว้ในห้องนอนชั้น 2 ส่วนทางด้านแพทย์เวรได้ตรวจสอบเบื้องต้นตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง

นายสมพงษ์ อายุ 46 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิตกล่าวว่าน้องชายมีอาชีพค้าขายสุนัขพันธุ์มานานกว่า 20 ปี ลักษณะซื้อมาขายไป จนพักหลังน้องชายบ่นและหนักใจเรื่องเศรษฐกิจไม่ค่อยดี การซื้อขายสุนัขซบเซา ทำให้สุนัขที่มีอยู่ซึ่งลงทุนไปแล้วยังไม่สามารถขายต่อได้


จึงคาดว่าน้องชายน่าจะเกิดอาการเครียดเลยคิดสั้นผูกคอหนีปัญหา ซึ่งน้องชายส่งข้อความครั้งสุดท้ายในกลุ่มไลน์ของญาติพี่น้อง ในเวลา 02.00 น.ที่ผ่านมาระบุข้อความว่า เฮียๆพรไปอยู่กับแม่ละนะ ฝากจัดการเรื่องที่เหลือให้ด้วยนะ นั้นคือข้อความสุดท้าย หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อน้องชายได้อีกเลย จนกระทั่งได้เดินทางมาบ้านที่เกิดเหตุถึงพบว่าน้องชายผูกคอตัวเองเสียชีวิตแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้รวมถึงเก็บจดหมายที่พบบนห้องนอนของผู้ตายไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบพร้อมทั้งจะต้องสอบสวนญาติผู้ตายเพิ่มเติมอีกครั้ง จากนั้นจึงมอบผู้เสียชีวิตให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต เพื่อชันสูตรต่อไป

Share:
อ่านต่อ
Posted in    

ไข่ไก่ปลอมจากจีนเริ่มระบาดในประเทศไทย แต่เรื่องยังไม่จบ พอบีบแล้วมีแบบนี้ไหลออกมา

วันนี้ผู้สื่อข่าว สยามอัพเดท ได้รับรายงานว่า ขณะนี้บนโลกโซเชี่ยลได้มีการแชร์คลิปสุดสยองที่นับว่าใกล้ตัวกับชีวิตของเรามากที่สุดแล้ว
ซึ่งนั่นก็คือ พบไข่ไก่ปลอม จำหน่ายในตลาดนัดอ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยที่วางขายปะปนกับไข่ไก่ธรรมดา แต่เมื่อเอามาทอดดูปรากฎว่าเป็นไข่ปลอมที่ทำมาจากพลาสติก งานนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องจัดการด่วนก่อนจะไม่มีคนกล้าซื้อไข่ตามตลาดอีกเลย
และยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อบีบไข่ให้แตกนั่น มีสารที่มีกลิ่นคล้ายสารเคมีออกมา สร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก



credit: siamupdate
Mr. Bobby
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

ไมอาร์ ปะทะ โฟน เขย่านมแข่งกัน The เฮี้ยน แสดง

คุณน่าจะชอบ : ร้อนแบบนี้ ดูให้ดีก่อนกิน

เป็นที่รับรู้กันว่าปีนี้แล้งที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ปกติไม่แล้งขนาดนี้อากาศก็ร้อนระเบิดเถิดเทิงอยู่แล้ว ยิ่งนับวันยิ่งร้อน
เขาบอกว่าเกิดจากภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ที่ทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น จนต้องเตือนกันด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมไว้บ้าง อย่าปล่อยมลภาวะกันมากมายนัก เพื่อจะได้มีโลกนี้อยู่กันได้นานๆ เหลือโลกที่น่าอยู่หรือพออยู่ได้ไว้ให้คนรุ่นหลังบ้าง ไม่ใช่เห็นแก่ตัวเสพสุขกันในยุคสมัยนี้จนกลายเป็นทำลายโลก ซึ่งเท่ากับทำลายเผ่าพันธุ์สัตว์โลกทั้งหลาย ซึ่งหมายรวมถึงมนุษย์ด้วย

ตะโกนกันไปแหละครับ แต่คนเรานั้น แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ยังมักจะทำในสิ่งที่เคยทำ เคยชินมากกว่าทำสิ่งที่ดี อนาคตเป็นอย่างไรไม่ค่อยคิดถึงกันเท่าไร ทำกันไปตามแรงเร้าของปัจจุบันมากกว่า ก็ว่ากันไปเรื่องของโลก

ที่จะชวนคุยกันวันนี้คือ “ร้อน” ในวันที่อากาศร้อนเหมือนจะไหม้ มีการแชร์กันตามโลกออนไลน์ว่า อาทิตย์นี้อากาศจะร้อนที่สุดในรอบ 50 ปี ไม่รู้ว่า 50 ปีก่อนหน้านั้นร้อนขนาดไหน แต่อาทิตย์นี้เห็นบอกว่าจะร้อนระดับกว่า 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป เรียกว่าหน้ามืดตาลายกันได้เลย

อากาศแบบนี้ เรื่องที่จะต้องระวังมากๆ ไม่แพ้การอยู่กลางแจ้งคือเรื่อง “อาหาร” อาหารแบบไหนที่เหมาะกับอากาศร้อน เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากอะไร อาหารแก้ร้อนก็ต้องเย็นๆ แต่ว่าไปมีเรื่องที่ควรคิดมากกว่านั้น

เริ่มแรกเลยต้องอย่าลืมว่า อากาศร้อนทำให้อาหารบูด เสียง่าย เสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ สมัยก่อนหน้าร้อนแบบนี้มักเกิดการระบาดของอหิวาต์ ล้มตายกันเป็นเบือ แต่สมัยนี้การเก็บอาหารดีขึ้น ทำให้การระบาดไม่มีให้เห็น

กระนั้นก็ตาม ควรจะต้องระมัดระวังอยู่ดี อาหารไม่ว่าประเภทไหนหากค้างคืนต้องตรวจดูให้ดีว่าบูด เสียหรือไม่ เพราะเน่าเสียไปแล้ว แม้กินเข้าไปจะไม่เป็นอหิวาต์ แต่ท้องไส้จะเสียอยู่ดี ที่จะต้องเอาใจใส่ต่อมาคือการเก็บอาหาร หน้าร้อนแบบนี้โดยเฉพาะในชนบท แมลงวันเยอะ

เท้าของแมลงวันนั้นเที่ยวไปเหยียบย่ำอาหารอะไรต่ออะไรมา ไม่รู้ว่ามีบูด เน่า มีเชื้อโรคอยู่หรือไม่ ในช่วงที่อาหารบูดเสียได้ง่ายเช่นนี้ต้องเก็บอาหารให้ดี อย่าให้มีแมลงวันมาตอม เพราะแม้ของเราจะไม่เน่าเสีย แต่อาจมีเชื้อโรคที่ติดมากับเท้าแมลงวันมาปนอยู่ในอาหารของเราก็ได้

ความสะอาดเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากกว่าเรื่องอื่นในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ทำให้การเลือกร้านอาหารที่จะซื้อกินเป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูว่าเป็นร้านที่ใส่ใจในเรื่องความสะอาดแค่ไหน จะกินอาหารอะไรให้คลายร้อนนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก บางทีความรู้สึกจะบอกเราเองว่าควรกินอะไร น้ำแข็งไส ไอติม ผลไม้ ข้าวแช่ อะไรแบบนี้เราสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก
ส่วนเรื่องอาหารที่จะก่อสมดุลให้ร่างกายในหน้าร้อน เป็นเรื่องที่ละเอียดลงไป เช่น กินผักให้มากขึ้น กินแกง กินเนื้อให้น้อยลง ของหมัก ของดอง ไม่ดีนัก กินที่สดๆ หรือต้ม นึ่งธรรมดาดีกว่า ของจืดๆ ดีกว่าของรสจัด โดยเฉพาะที่เผ็ดๆ อะไรทำนองน้ัน

ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
บทความโดย : พัชรพน

ไมอาร์ ปะทะ โฟน เขย่านมแข่งกัน

Posted by News 2Day on Tuesday, March 22, 2016
Share:
อ่านต่อ

การ์ตูนทะลึง สุดฮา ตอน ไอ้แก๊งค์นรก

คุณน่าจะชอบ :: เมื่อผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง กำลังจะหมดไฟ

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
เรื่องโดย : พญ.วัจนา ลีละพัฒนะ และ ผศ.พญ.สายพิณ หัตถีรัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ความรู้สึกเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยคนนั้นกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งก็อาจจะถึงเวลาที่ควรจะเยียวยาผู้ดูแลผู้ป่วยด้วยอีกหนึ่งคน เป็นธรรมดาของผู้ดูแลผู้ป่วยที่เป็นผู้ดูแลหลัก หากเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือผู้สูงอายุทุพพลภาพ ที่ผู้ดูแลอาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เบื่อหน่ายได้ในบางเวลาที่จะต้องแบกภาระดูแลผู้ป่วย.

เมื่อมีความรู้สึกดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ หรือมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ผู้ดูแลคนนั้นกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งก็อาจจะถึงเวลาที่ควรจะเยียวยาผู้ดูแลผู้ป่วยด้วยอีกหนึ่งคน ความรู้สึกเหล่านี้
อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ มีอะไรบ้างไปลองสำรวจตัวเองกันดู ดังนี้
1. อยากจะหนีไปให้พ้นความรับผิดชอบที่ดูเหมือนทับถมกันมากขึ้นทุกที
2. รู้สึกเหมือนกำลังรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เพียงคนเดียว
3. กิจวัตรประจำวันช่างดูยุ่งเหยิง และวุ่นวายสับสนไปหมด
4. ไม่มีเวลาได้ออกไปข้างนอก เข้าสังคม หรือทำธุระส่วนตัว
5. การกิน อยู่ หลับนอน ของผู้ดูแลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
6. น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เบื่อหน่ายไปหมด
7. หงุดหงิด โกรธง่าย แม้กับสาเหตุเพียงเล็กน้อย
8. ไม่มีสมาธิจดจำสิ่งต่าง ๆ หลงลืมแม้แต่สิ่งสำคัญ
9. ใช้ยาหรือสารเสพติดมากกว่าเดิม เช่น ยานอนหลับ เหล้า บุหรี่
ทั้งนี้ ถ้าหากผู้ดูแลผู้ป่วยท่านใดที่เข้าข่ายอยู่ในอาการดังกล่าวนี้หลายข้อมากจนเกินไป แนะนำให้วางแผนการดูแลให้ดี อย่าให้เป็นภาระตกหนักที่ใครเพียงคนเดียวตลอดเวลา หากเป็นไปได้อาจให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่ดูแลชั่วคราวเป็นครั้ง ๆ เพื่อให้ผู้ดูแลหลักมีเวลาพักผ่อนหรือทำธุระส่วนตัวบ้าง
นอกจากนี้ ยังแบ่งหน้าที่ด้านต่าง ๆ ให้แก่ญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ได้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน การทำความสะอาดบ้าน หรือหน้าที่พาผู้ป่วยมาโรงพยาบาล หาเวลาพักผ่อนไปทำกิจกรรมที่ตนเองชอบบ้าง เพื่อผ่อนคลายความเครียด หรือไปพบปะสังสรรค์พูดคุยเข้าสังคม ที่สำคัญยังต้องดูแลรักษาสุขภาพกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วย และหมั่นเติมกำลังใจซึ่งกันและกัน ก็จะลดปัญหาเหล่านี้ลงไปได้




Share:
อ่านต่อ

เผยแล้ว เจ้าของเสียง “ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”




::--> เจ้าของเสียง.."ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก" <--::CREDIT: http://www.mcot.net/********************ขอบคุณคลิปแนะนำจาก @หาญณรงค์ แก้วดาราพลอยพร
Posted by YouLike (คลิปเด็ด) on Tuesday, September 10, 2013

Credit:
YouLike (คลิปเด็ด)
Share:
อ่านต่อ

ถ้าไม่กลัวตาย ลองทำตามดู

คุณน่าจะชอบ ::: โรคไตในเด็กป้องกันได้

อุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง มีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก สาเหตุโรคไตเรื้อรังที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ ได้แก่ ไตเสื่อมจากเบาหวาน และภาวะความดันเลือดสูง สาเหตุโรคไตเรื้อรังที่พบบ่อยในเด็กนั้นแตกต่างจากในผู้ใหญ่ สาเหตุที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ ความผิดปกติแต่กำเนิดของไต และของทางเดินปัสสาวะ โรคไตชนิดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสมในปัจจุบันของเด็กอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ รวมถึงโรคไตได้ในอนาคต เช่น การมีกิจกรรมประจำวันส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ใช้พลังงาน การมีชั่วโมงการออกกำลังกายที่น้อยเกินไป การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะสม เช่น การกินอาหารประเภทแป้ง ไขมัน หรืออาหารและเครื่องดื่มรสหวานที่มากเกินไป ทำให้เกิดโรคอ้วน ส่งผลให้เกิดโรคไตเรื้อรังตามมาได้ ซึ่งอาจจะพัฒนาต่อไปกลายเป็นไตวายระยะสุดท้ายได้ การตรวจพบความผิดปกติของไตในเด็กและได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่ม รวมทั้งการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรัง เช่น ภาวะอ้วน พฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสม การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง และชะลอการเกิดภาวะไตวายระยะสุดท้ายได้
ในเด็ก สาเหตุของโรคไตจะแตกต่างกันตามแต่ละช่วงอายุ ในเด็กเล็ก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดในโครงสร้างของไต หรือของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ภาวะอุดกั้นของระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะเนื้อไตเจริญผิดปกติ ในเด็กโต สาเหตุมักจะเกิดจากภาวะไตอักเสบจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ไตอักเสบที่เกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำคอ หรือผิวหนัง โรคเอสแอลอี (ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อตนเองจนทำให้เกิดความเสียหาย)
เด็กที่มีโรคไต อาจมีอาการแสดงต่าง ๆ ให้สังเกตได้ เช่น มีความผิดปกติของปัสสาวะ เช่น สีผิดปกติ สีแดงหรือสีน้ำล้างเนื้อ มีปริมาณปัสสาวะน้อย หรือมากเกินปกติ มีการขับถ่ายปัสสาวะบ่อย หรือน้อยครั้งเกินปกติ ต้องเบ่งเวลาถ่ายปัสสาวะ มีปัสสาวะหยดตลอดเวลา หรือมีอาการของการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ มีท้องโตจากไตหรือระบบทางเดินปัสสาวะที่ขยายขนาดผิดปกติ มีอวัยวะเพศภายนอกที่ผิดรูป ความดันเลือดสูงจากโรคไตอักเสบ ไตวาย หรือหลอดเลือดไตมีการตีบตัน การเจริญเติบโตช้าจากการทำงานของไตที่เสื่อมลง กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการทำงานของไตที่ผิดปกติในการปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
โรคไตในเด็กบางชนิดอาจป้องกันได้ตั้งแต่เป็นทารกในครรภ์ โดยที่หญิงมีครรภ์ควรมีการตรวจติดตามและดูแลโดยสูติแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสารเคมี หรือยาบางชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ในวัยที่เริ่มควบคุมการขับถ่าย ให้ฝึกเด็กขับถ่ายโดยวิธีที่เหมาะสม สอนให้ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะที่ใช้ขับถ่ายอย่างเหมาะสม ให้หลีกเลี่ยงภาวะท้องผูก หลีกเลี่ยงขนมหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคความดันเลือดสูง และโรคเบาหวานได้ในอนาคต
นอกจากนั้น พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กที่เป็นโรคไต ควรทำความเข้าใจในโรคไตชนิดที่เด็กเป็น เข้าใจแนวทางการดูแลรักษา เข้าใจประโยชน์และผลข้างเคียงของแต่ละวิธีการรักษาและยาแต่ละชนิด เข้าใจวิธีปฏิบัติตนสำหรับโรคไตชนิดที่เด็กเป็น สำหรับเด็กโตและวัยรุ่น ควรให้เด็กได้ร่วมวางแผนในการใช้ยาและการปฏิบัติตนตามที่แพทย์แนะนำ คอยเป็นกำลังใจให้แก่เด็ก เป็นที่ปรึกษาให้แก่เด็กเมื่อมีปัญหาในการปฏิบัติ และที่สำคัญ ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาทุกครั้งเมื่อมีปัญหาในการใช้ยาหรือในการปฏิบัติตน

บทความโดย : รศ.นพ.อนิรุธ ภัทรากาญจน์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


คลิปนี้สำหรับ พ่อบ้านใจกล้า โดยเฉพาะเลยกับ วิธีหลอกตบเมีย ! ตบเสร็จแกล้งทำเป็นละเมอ 555+ ระวังนะ อย่าให้โดนจับได้ ไม่งั้นล่ะน่าดู หัวแตกกันเลยทีเดียวเชียว

ดูครั้งเดียวไม่พอ 55555

Posted by News 2Day on Monday, March 21, 2016

Share:
อ่านต่อ

หนุ่มซิ่งเก๋งเบียดพ่อแม่ลูกล้ม มอบตัว-สารภาพผิด วันนั้นรีบ..ผมขอโทษ

ตำรวจ แจ้ง 2 ข้อหาเก๋งเบียด 3 พ่อแม่ลูกเจ็บ บริเวณถนนกำแพงเพชร เจ้าตัวรับสารภาพ พร้อมขอโทษสังคม

พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายังสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์แล้วหลบหนี บริเวณถนนกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ได้และมีการเผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ โดย นายสันติ ปิยวิสุทธิรักษ์ ผู้ขับรถยนต์ที่ปรากฏในคลิปได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังพนักงานสอบสวนประสาน พร้อมขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายสันติ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดอุบัติเหตุ ยอมรับผิดที่ไม่ได้จอดรถลงมาดูแลตรวจสอบผู้บาดเจ็บ เนื่องจากตนเองตกใจและรีบไปเยี่ยมบิดาที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่จังหวัดปทุมธานี และไม่ทราบว่ามีเด็กมากับรถที่ตนเองชนด้วย แต่ภายหลังตนเองก็ตั้งใจที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ ไม่ได้คิดหลบหนี และอยากขอโทษประชาชนทั้งประเทศ

ส่วนด้าน ว่าที่ร้อยตรีกฤษฎา อ่อนบัว ผู้บาดเจ็บ ระบุวันเกิดเหตุตนเองภรรยาพร้อมบุตรสาวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปเยี่ยมบิดาซึ่งป่วยเป็นอัมพาตและติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะจากโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยขณะเดินทางกลับบ้านที่ย่านเกษตรก็เห็นคู่กรณีขับรถมาเบียด เพียงเสี้ยววินาทีรถก็ล้มลง

ทั้งนี้ตนเองไม่ได้โกรธแค้น เพราะ นายสันติ ยอมรับผิดแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุควรมีจิตสำนึกลงมาดู ส่วนอาการของบุตรสาวขณะนี้ยังรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ รู้สึกตัวและสื่อสารได้และฝากเตือนผู้ที่ขับขี่รถยนต์ต้องมีจิตสำนึกขณะขับขี่ และขอให้ระมัดระวังขณะใช้รถใช้ถนน

นอกจากนี้ พลตำรวจโท ศานิตย์ ระบุว่า เบื้องต้นตำรวจจะแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแล้วหลบหนีไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานหรือหยุดทำการช่วยเหลือ โดยหลังจากนี้ ตนเองจะเดินทางไปเยี่ยมบุตรสาวของผู้บาดเจ็บ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม อาทิ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และขับรถโดยประมาทหวาดเสียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น


credit: sanook
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

กระแต โชว์หลักฐาน! MV เพลงสะบัด ไม่เห็นของลับแน่นอน




กลายเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาทันที สำหรับเอ็มวีเพลง สะบัด ของนักร้องสาว "กระแต อาร์สยาม" ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้แฟนๆ ชมเพียงไม่กี่วัน แต่กลับโดนมือดีแคปภาพท่าเต้นสุดหวือหวาแต่ซูมช่วงล่างที่เหมือนไม่ได้ได้ใส่อะไรปกปิดไว้

ล่าสุด ในวันนี้ (21 มี.ค. 2559) กระแต อาร์สยาม ได้ควง คุณเณร ศุภชัย กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเพลง บริษัท อาร์สยาม จำกัด (มหาชน) ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวที่ถูกชาวโซเชียลฯเข้าใจผิด โดยทั้งคู่ได้เผยว่า...

คุณเณร: เมื่อสักประมาณ 4 วันที่ผ่านมา ทางอาร์สยามได้ปล่อยผลงานใหม่ของน้องกระแต คือเพลงสะบัด ออกไปทางยูทูป ปรากฏว่าช่วงแรกๆ หลายท่านชื่นชมมากในเรื่องของผลงานการพัฒนาการเต้นของน้องที่พัฒนาขึ้น ตามภารกิจที่ทางบริษัทได้มอบหมายไป เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นได้มีภาพบางเสี้ยวเฟรม เสี้ยววินาที ที่ผู้ชมบางท่านได้ไปแคปและซูมขึ้นมา เอามาใส่ในโซเชียลฯ จนเกิดเป็นประเด็นสังคมขึ้นมาว่ามิวสิควีดีโอของเรานั้นขายอะไรกันแน่ ขายโป๊หรือเปล่า หรือต้องการสร้างกระแสให้เป็นจุดขายของมิวสิควีดีโอหรือเปล่า

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมในฐานะที่เป็นผู้บริหารค่ายเพลง และเป็นคนคิดในเรื่องของคอนเซปต์เพลงนี้ ขอชี้แจงว่า เพลงนี้ผมมีวัตถุประสงค์อย่างจริงจัง ที่จะให้น้องกระแตมีพัฒนาด้านการเต้นที่ขึ้นไปอีกในระดับหนึ่ง เนื่องจากบริษัทของเรามีโครงการที่จะพัฒนาศิลปินให้ไปในระดับสากล ซึ่งน้องกระแตก็เป็นศิลปินคนแรกๆ ของอาร์สยามที่ต้องการให้ไปถึงจุดนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้หาแนวทางในการทำงานที่มันเป็นสากลขึ้น

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมได้ไปหาแนวทางการเต้นที่ค่อนข้างหลากหลาก และก็เป็นอีกแนวที่คนไทยไม่ค่อยได้เห็นนักสำหรับศิลปินไทยในการเต้นแบบนี้ มันคือการเต้นแบบลาตินผสมกับลีลาศ เพราะฉะนั้นการเต้นหรือการเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ มันก็เป็นไปตามคอนเซปต์ของเพลง

ชุดต่างๆ 3-4 ชุด ที่ทำขึ้นมา มันก็มีกลิ่นอายความเป็นลาติน ในสายตาคนไทยอาจจะดูสั้นบ้าง แต่มันก็เป็นไปตามคอนเซปต์ของเพลง และแน่นอนการเต้น การเคลื่อนไหวต่างๆ มันก็ต้องมีการมูฟ เพราะฉะนั้นมันอาจจะมีบางจังหวะ วินาที หรือบางเฟรม ที่มันอาจจะเป็นภาพที่ไม่น่าดูนักถ้าไปแคปมา เพียงแต่ว่ามิวสิควีดีโอของเรา เราต้องการนำเสนอเป็นภาพเคลื่อนไหว

ซึ่งงานต่างๆ ที่ผ่านการพิจารณาของผม ผมรู้สึกว่ากลับทึ้งกับการเต้น การพัฒนาของน้อง ไม่ได้ฉงนเลยที่จะมีบางเฟรมที่มันหลุดออกมา หลังจากที่มีข่าวออกมา ทางค่ายเพลงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็รีบเข้าไปแก้ไขในยูทูปของเรา เวลาเข้าไปดูแล้วจะเห็นภาพเบลอในเสี้ยววินาทีนั้นอยู่ ถ้าเราไม่แก้ไขก็จะถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ว่ารู้เห็นข้อผิดพลาดแล้วไม่แก้ไข

แต่เมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว ก็มีบางกระแสที่บอกว่าน้องกระแตถ้าไม่โป๊จริงจะไปเซ็นเซอร์ทำไม เพราะฉะนั้นวันนี้ก็เลยเอาน้องกระแตมาพูดถึงเหตุการณ์วันนั้น ว่าการถ่ายทำตั้งแต่ตี 5 ถึงตี 5 อีกวันเกิดอะไรขึ้น และผมของชี้แจงว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะโป๊ขนาดนั้น การถ่ายทำมีทีมงานเป็นร้อยคน มีคนดูอีก ถ้าเป็นจริงอย่างที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ผมเชื่อว่าภาพหลุดต่างๆ มันคงออกมาตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว ไม่ต้องรอถึงขนาดต้องนั่งซูม นั่งแคป เพราะฉะนั้นเดี๋ยวให้น้องกระแตชี้แจงต่อครับ

กระแต: ยืนยันนะคะว่าใส่ซัพพอร์ต แล้วไม่ได้ใส่ชั้นเดียว (ชี้อธิบายที่ชุด) ชุดนี้จริงๆ สไตลิสต์ให้มีซัพพอร์ต มีลูกไม้ก่อนชั้นหนึ่ง และมีกางเกงซัพพอร์ตข้างในอีกชั้น แต่ก่อนหน้ากระแตก็จะมีข้างในอีกสองชั้น (หัวเราะ) ต้องขออนุญาตนะคะ (หยิบกางเกงซับในขึ้นมา) มันจะเป็นสีมันๆ ทองๆ แล้ววันนั้นเราทาแทน ทาตัวให้ทองๆ แทนๆ นิดนึง สีนี้ก็จะเป็นสีเนื้อพยายามทำให้ดูเนียนที่สุด มันก็เลยออกมาเหมือนไม่ใส่ หลายๆ คนคิดว่าอย่างนั้น แต่จริงๆ ใส่แน่นอนค่ะ

คอนที่ถ่ายทำได้เช็คมอนิเตอร์บ้างไหม?

กระแต: เช็คบ้างบางช่วงค่ะ เพราะทุกอย่างต้องรีบมาก ยกกองไปถ่ายที่พัทยา ถ่ายตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงตี 4 อีกวันหนึ่ง เช็คบ้างแต่ไม่ได้ดูละเอียด ไม่ได้ซูมขนาดนั้น เพราะมอนิเตอร์ไมได้ใหญ่มาก ดูแค่ภาพรวม ส่วนมากหนูเช็คบ็อกกิ้ง เช็คไลน์แดนเซอร์การเต้นว่าดูดีหรือยัง ไม่ได้ดูว่ามีอะไรออกมา เพราะอันนี้เป็นเรื่องของห้องตัดอีกที

ยืนยันว่าที่โผล่ออกมา ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดกันใช่ไหม?

กระแต: ค่ะ ล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ (หัวเราะ) ใส่แน่นอนค่ะ อยากให้ทุกคนมองว่าถ้าหนูไม่ใส่มันเป็นไปไม่ได้ เต้นโหดมาก ท่าแต่ละท่ายกฉีกขา มันต้องใส่อยู่แล้วค่ะ

ตัวเราโฟกัสเรื่องท่าเต้น แต่คนไปโฟกัสเรื่องนี้ เรารู้สึกยังไง?

กระแต: ต้องยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่เป็นข่าว วันแรกยังไม่มีใครรู้ว่ามันมีวินาทีที่ 2.21 ที่เขาพูดกัน มันมีอยู่ไม่กี่คอมเม้นท์ มีแค่ 2-3 ที่เริ่มเม้นท์เข้ามา กระแตเห็นในนั้นเลยรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้น เลยย้อนไปดูในเอ็มวีแต่ยังไม่เห็น เห็นแค่มันเปิดแต่เรารู้อยู่แล้วว่าเราใส่ซับ แต่ไม่ได้แคปและเข้าไปดู ก็เฉยๆ ไป จนมาอีกวันตอนเช้าก็มีภาพนี้ที่แฟนคลับและเพื่อนๆ ส่งมาเต็มเลย มันก็เหมือนจริงนะ แต่บางภาพก็เหมือนไปทำเบลอ หรือไปทำเพิ่มให้เหมือนเราไม่ใส่ คราวนี้ก็กลายเป็นกระแสเยอะแยะเลยว่าเราโปรโมทเพลงนี้ ใช้กระแสตรงนี้มาโปรโมทเพื่อให้คนเข้าไปดู

รู้สึกน้อยใจมาก และเสียใจอย่างแรง เพราะเราตั้งใจมากกับเอ็มวีนี้ ต้องบอกเลยว่าเอ็มวีนี้เป็นเอ็มวีที่หนูเหนื่อยที่สุดตั้งแต่เคยเต้นมา เพราะเพลงนี้เป็นเพลงสไตล์ลีลาศที่เราไม่เคยเต้น และยังมีเบลี่แดนซ์ มีแจสฟรั้ง และมีหลากหลายที่ทำให้เห็นความตั้งใจ

ทีมงานแดนเซอร์ซ้อมกันหนักหน่วงมากเป็นเดือนเลย อยากให้ทุกคนเห็นความตั้งใจ ไม่อยากให้ทุกคนเห็นคิดว่าต้องโปรโมทเพราะกระแสแบบนี้เลย รู้สึกน้อยใจ แต่ก็ยังมีแฟนเพลงที่มาให้กำลังใจ มาเม้นท์และเข้าใจเราในส่วนมากที่เข้าใจและเชื่อว่าเราตั้งใจกับงาน เขาก็ชื่นชมและให้กำลังใจมากกว่าค่ะ

กับข่าวที่ออกมาส่งผลกระทบอะไรต่อตัวเราบ้าง?

กระแต: ตอนแรกต้องยอมรับว่าความรู้สึกหนูและทางบ้านรู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร เราใส่ ก็คิดในใจว่าใครจะไม่ใส่กกน. จะบ้าเหรอ ก็ขำๆ กันไป แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเราใช้กระแสตรงนี้โปรโมท เราเลยเริ่มรู้สึกนอยด์ แต่หนูก็เข้าใจว่าทุกคนมองเห็นคุณภาพงานมากกว่าค่ะ

คนมองว่าชุดเราแต่ละชุดเซ็กซี่หมดเลย ส่วนตัวแล้วทั้งพี่เณรและกระแตคิดว่าหวือหวาไปไหม?

คุณเณร: จริงๆ แล้วงานทุกงานเรามีสไตลิสต์ที่รับนโยบายจากบริษัทว่าจะเป็นแนวแบบไหน เพลงนี้เป็นเพลงลาติน ก็เลยต้องมีกลิ่นอายลาตินเข้ามาผสมผสาน หลายๆ คนอาจจะเคยดูเทศกาลคาร์นิวัลที่มันโป๊กว่านี้อีก แต่เราปรับให้มันเหมาะสมกับศิลปินของเรา แล้วการเต้นแบบนี้มันเหมือนการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ ยิมนาสติก ที่เราเข้าไปดูความสามารถของนักกีฬาคงไม่รู้สึกอะไร คงชื่นชมในความสามารถไป

แต่ก็มีบางคนที่เข้ามาดูเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แบบมาแอบถ่ายบางเฟรม บางเสี้ยววินาที ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้มันมีโอกาสหลุดได้ตลอดเวลา แต่ยืนยันว่าภาพหลุดที่ออกมา เป็นภาพที่น้องกระแตซัพพอร์ตอย่างดี และใส่ 3 ชั้น เพียงแต่ว่าพอมีคนเอามาโพสต์และบางคนไม่ได้เข้าไปดูมิวสิควีดีโอ เห็นภาพๆ เดียวก็วิจารณ์กันต่อๆ ไป กระแสมันก็เลยไปกันใหญ่

มีคิดจะถ่ายใหม่ไหม?

คุณเณร: ถ่ายใหม่คงไม่ครับ เพราะเรารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ เพียงแต่เพื่อความสบายใจของทุกคนเราก็เบลอให้ และมิวสิควีดีโอในทีวี ผมก็ให้ไปตัดต่อใหม่ ทำให้ภาพที่มันไม่ชัดเจนไม่ออกมา แต่ในยูทูปมันเอาออกมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ทำได้แค่เบลอไป ตัวที่ออนแอร์ในทีวีมีการเปลี่ยนช็อตให้มันดูดีขึ้นครับ

มีรูปในไอจีที่เราใส่ชุดสีแดง แต่ลบออกไปแล้ว?

กระแต: พอดีมันเป็นของโฆษณากาแฟค่ะ เขายังไม่ให้ลง (หัวเราะ) แต่เราอยากลงเลยเอาไว้ไปลงพร้อมโฆษณา จริงๆ ตัวโฆษณามันกำลังออก หนูก็เลยนึกว่าเขาให้โพสต์ได้ แต่จริงๆ ยังไม่ให้โพสต์ แค่นั้นเองค่ะ ไม่มีอะไร

หลังจากเอ็มวีออก มีโรคจิตมาตามบ้างไหม?

กระแต: ไม่มีค่ะ กระแตให้คุณแม่ดูแลในเรื่องของการรับสาย การติดต่องาน ก็ดูกันตลอดเวลา ไปไหนก็ไปทั้งครอบครัวอยู่แล้วค่ะ

ชุดที่ออกโชว์คอนเสิร์ตจะเหมือนชุดในเอ็มวีไหม?

คุณเณร: ตอนนี้เขายังไม่ได้ออกโชว์ชุดนี้ เพียงแต่อยากจะชี้แจงว่าเวลาถ่ายมิวสิควีดีโอมันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ชุดโชว์จริงๆ ต้องเซฟกว่านี้ เพราะเป็นการโชว์สด อาจจะมีคนที่ไปเกาะเวทีบ้าง (หัวเราะ) ทางสไตลิสต์ต้องดีไซน์อีกชุดหนึ่ง เป็นคอนเซปต์นี้แหละ แต่รัดกุมกว่านี้

กระแต: ก็จะปลอดภัยกว่านี้ เพราะปกติแล้วชุดในเอ็มวีก็ตามคอนเซ็ปต์เต็มที่เลย เพราะมันเป็นภาพเคลื่อนไหว แต่ถ้าดูสดๆ หนูจะไม่ค่อยใส่สั้นด้วยซ้ำ จะใส่ขายาวหมดเลย เพราะเต้นหนักมาก ชุดนี้ก็อาจจะดัดแปลงเป็นแลคกิ้งสีดำ

สมัยนี้คนมองว่าเพลงลูกทุ่งกลายเป็นแนวนี้ไปแล้ว คนเลยกลัวจะเสียความเป็นแบบดั้งเดิมไป?

คุณเณร: จริงๆ เพลงนี้ก็ไม่ใช่ลูกทุ่งนะครับ ต้องเรียนตามตรง เพราะอาร์สยามเราเคยประกาศตัวไว้นานแล้ว ว่าเราเป็นค่ายเพลงไทยหลากสไตล์ ฟังสบายทั้งครอบครัว หมายความว่าเรามีเพลงทุกแนวให้ท่านเลือกฟังตามรสนิยมของแต่ละท่าน กลุ่มเป้าหมายของเราคือคนไทยทั่วทั้งประเทศ เปรียบเหมือนการทำอาหารบุพเฟ่ต์ ชอบแบบไหนก็ตักกิน เพลงก็เหมือนกัน

แต่เพลงที่ผ่านๆ มาของกระแต เราก็ผสมความเป็นลูกทุ่งลงไป อย่างเพลงเมรี แต่เพลงนี้เป็นลาติน เราต้องการที่จะเข้าสู่สากล เลยใช้จังหวะที่เป็นสากลขึ้น แต่การที่จะเป็นสากลเราไม่ได้ใช้ภาษาแน่นอน เพราะต้องเป็นภาษาถิ่น สิ่งที่ทั่วโลกยอมรับกันได้ก็คือเรื่องของจังหวะดนตรีเรื่องการเต้นต่างๆ ซึ่งสองอย่างนี้เราจัดมาใส่ไว้ในตัวกระแต

โปรเจคนี้เลยทำให้มันดูอินเตอร์ขึ้น เอาลีลาศมา ลาตินมา เพียงแต่นักร้องในค่ายอาร์สยามเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะผ่านการร้องเพลงลูกทุ่งมาก่อน คนเลยมองว่าเราร้องเพลงลูกทุ่ง จริงๆ เพลงของเราต้องยอมรับว่ามีทุกแนว เพลงเพื่อชีวิตก็มี เพลงลูกทุ่ง อีสาน หมอลำ มีหมด และเพลงแนวกระแตถ้าพูดกันจริงๆ นักร้องที่เป็นแบบนี้ของอาร์สยาม มีประมาณ 10% จาก ร้อยกว่าคน

เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่จำนวนมาก หลายคนจะมองว่าทำไมนักร้องอาร์สยามต้องเซ็กซี่แบบนี้ จริงๆ แล้วงานลูกทุ่งแท้ๆ อย่าง กุ้ง สุทธิราช แม้กระทั่งงานสตริงอย่าง 5 นาทีบรรลุธรรมเกี่ยวกับธรรมะ เราก็มีหมด เพียงแต่การตอบรับของสังคมอาจจะไม่แรงเท่าแนวแบบนี้ เลยรู้สึกว่าค่ายเพลงเราเน้นหนักไปทางนี้ครับ

จะมีผลต่อการทำมิวสิควีดีโอของนักร้องคนอื่นไหม?

คุณเณร: ไม่มีผลครับ เพราะศิลปินแต่ละคนมีคอนเซ็ปต์ประจำตัวอยู่แล้ว และก็มีวัตถุประสงค์ต่างกัน อย่างของกระแตทุกเพลงที่ผ่านมาเน้นเต้นเป็นหลัก ต้องชมทักษะของกระแตที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพลงนี้ตอนแรกผมก็ชื่นชมในผลงานที่ออกมา เพียงแต่ว่ามันมีแค่บางจุดที่มาทำให้การรับรู้ของประชานชนส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปในเรื่องที่เป็นข่าวมากกว่าเรื่องของความสามารถ

ต่อไปผมบอกทีมงานแล้วว่า จุดไหนที่ดูล่อแหลมให้ตรวจเป็นเฟรมๆ ไปเลย เพราะสมัยนี้การดูยูทูปมันไม่ได้เป็นแค่การเคลื่อนไหวอย่างเดียว เขาสามารถหยุดได้ ดูสโลว์ได้ เพราะฉะนั้นให้เน้นเป็นพิเศษสำหรับภาพที่ล่อแหลม เพราะคนที่เข้าไปดูเขาเปิดแบบสโลว์และแคป เฟรมที่มีปัญหาผมดูแลเวลามีไม่กี่เฟรม แค่กระพริบตาก็หายแล้ว เพราะฉะนั้นในชีวิตจริงเวลาดูภาพเคลื่อนไหวมันไม่รู้สึกแบบนี้หรอกครับ แต่ถ้าเราไปแคปมามันก็ขยายผลได้

จากกระแสข่าวก็ทำให้ยอดวิวเพิ่มขึ้น?

คุณเณร: ต้องขอบคุณที่ติดตามอาร์สยามเยอะแยะ แต่บางครั้งเราไม่มีจุดประสงค์ที่จะเอาเรื่องนี้มาเป็นจุดขาย เรื่องพวกนี้ถึงจะดังก็ดังไม่ยั่งยืน ผมอยากดังแบบยั่งยืนมากกว่า ดังด้วยความสามารถของศิลปิน เพราะฉะนั้นถ้า 8 ล้านวิวที่ผ่านมาของ 3-4 วันนี้ ถ้ามีสัก 7 ล้านวิวที่ดูในเรื่องความสามารถ ผมยินดีมากครับ

กระแตต้องระวังตัวมากขึ้นหรือเปล่า จะกล้าเต้นแรงไหม?

กระแต: เหมือนเดิมค่ะ เต้นแรงได้เหมือนเดิม อยากเต้นแรงกว่าเดิมด้วย เพราะเรามีการใฝ่ฝันในการพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเต้นแรงหรือไม่แรง มันอยู่ที่ว่าคุณเจตนามองอะไรมากกว่า

ด้วยการเต้นสไตล์แดนซ์ฮอลล์ มันมีการเชคก้น แต่ครั้งนี้ไม่ได้เชคธรรมดา เชคแล้วลงไปฉีกขาและขึ้นมาเชคอีก มันก็มีท่าโหดๆ อยากให้ทุกคนมองว่าท่าพวกนี้ไม่ได้เต้นง่ายๆ นะคะ ยากมากจริงๆ ไม่ได้เต้นเพื่อให้ทุกคนเห็นตรงนั้น แต่เราให้ทุกคนเห็นความตั้งใจเรามากกว่า แต่อาจจะมีการระวังในเรื่องของเสื้อผ้ามากกว่าค่ะ

ฝากถึงคนที่แคปภาพเหล่านี้มาลงโซเชียลฯ รวมถึงคนที่เข้าใจเราผิด?

กระแต: สำหรับหนู หนูมองว่ามันก็เป็นภาพที่ไม่สวยงามนะคะ ไม่เหมาะที่จะนำไปวิพากษ์วิจารณ์กัน หนูยอมรับว่าบางทีเราก็เห็นคอมเม้นท์ บางคนพูดจนเราอ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี อยากให้ทุกคนเข้าใจ ถ้ามายืนในจุดเรา เราไปศิลปินที่ตั้งใจผลิตผลงาน และทำในสิ่งที่เรารัก การเต้นก็เป็นสิ่งที่เรารัก และครั้งนี้หนูเต็มที่กับงานมาก ทีมงานทุกคน ไม่ใช่แค่กระแต แดนเซอร์ทุกคนเต้นกันกลางแดด เหนื่อย ร้อน ตัวจะไหม้ เท้าจะพองแค่ไหนก็อยากให้งานออกมาดี อยากให้มองในเรื่องของการตั้งใจและเรื่องของการพัฒนาในการทำงานมากกว่าค่ะ

ในส่วนภาพที่แพร่ออกไป อยากให้ทุกคนเห็นใจ และหนูคิดว่ามันเป็นภาพที่ไม่งดงาม อย่างเด็กๆ น้องๆ ถ้ามาเห็นก็อาจจะเข้าใจตามที่เขารู้สึก อย่างที่ทุกคนพูดกัน มันก็ทำให้สังคมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ดี อยากให้ทุกคนไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ พูดถึงความตั้งใจของหนูกับทีมงานมากกว่า

จะดำเนินคดีกับคนที่ปล่อยภาพไหม?

คุณเณร: ไม่ครับ เพราะภาพที่หลุดมาเป็นภาพจริงๆ ที่เราตัดต่อออกมา เพียงแต่อยากขอความเห็นใจเท่านั้นเอง ว่าวัตถุประสงค์ในการทำมิวสิควีดีโอตัวนี้ ทำขึ้นเพื่อความบันเทิง และต้องการให้เห็นศักยภาพของศิลปินไทยที่มีศักยภาพการพัฒนาให้เท่าศิลปินต่างชาติ อยากให้ทุกคนสนับสนุนมากกว่าที่จะมาหาข้อจับผิด และเกิดการบันทอนกำลังใจศิลปิน อยากให้ทุกคนส่งเสริมและให้กำลังใจครับ

เครดิตภาพจาก rsiam

Share:
อ่านต่อ

สมญานามของเธอคือ แม่เฒ่าเทียนซาน!

บอกเลยว่าเธอคนนี้กำลังเป็นที่สนใจของชาวโซเชี่ยลเป็นอย่างมาก สำหรับเด็กสาวที่เห็นในภาพ แต่เดี๋ยวก่อน!! ความจริงแล้วเธอคนนี้ไม่ใช่เด็ก แต่มีอายุถึง 37 ปีแล้ว!! คุณพระ! หน้าโกงอายุมากกกก!!

หญิงหน้าโกงอายุคนนี้เธอมีมีสมญานามว่า แม่เฒ่าเทียนซาน เป็นชาวเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง และไม่ต้องสงสัยกันเลยว่าทำไมเธอถึงได้ฉายาว่า แม่เฒาเทียนซาน เพราะเธอคนนี้อายุถึง 37 ปีแล้ว! แต่หน้าตาและรูปร่างของเธอกลับเหมือนเด็กอายุสิบกว่า และงานนี้ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่ไม่เชื่อเรื่องอายุของเธอ และลงความเห็นว่าเธอสร้างกระแส เพราะเมื่อดูจากรูปยังไงก็ดูไม่เหมือนคนอายุ 37!





ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

China Xinhua News
Share:
อ่านต่อ
Posted in    

เปิดตำนานสยองม.ดัง แฟนหนุ่มฆ่าหมกสาวไว้ในหอ แล้วไปนั่งเล่นเกมส์ต่อ


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าปัจจุบันจิตใจของมนุษย์เริ่มคับแคบขึ้นเรื่อยๆ แม้การอยู่ก่อนแต่งสำหรับวัยนักศึกษาจะช่วยพิสูจน์ความเข้ากันได้หลายๆ อย่าง แต่ก็ใช่ว่าจุดจบจะลงเอยหรือแยกย้ายอย่างสวยงามเสมอไป ดังเช่นเหตุการณ์ที่กลายเป็นตำนานความสยองขวัญแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคเหนือต่อไปนี้ "โพสต์สุดท้ายของคนตาย" ช่างบอกความรู้สึกที่มากมายในใจของผู้ตายได้เหลือเกิน จนท้ายสุดชีวิตของเธอก็ต้องจบสิ้นจริงๆ ด้วยน้ำมือของคนที่ขึ้นชื่อว่า "คนรัก"

ฆ่าหมกหอพัก นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยชื่อดัง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 ก.พ. 2559 ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุ ฆาตรกรรมขึ้น บริเวณหอพักแห่งหนึ่ง หลังมหาวิทยาลัยชื่อดัง ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ฯ ได้เข้าตรวจสอบ พบศพ หญิง 1 ราย เป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ชั้นปีที่ 2 ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง สภาพศพพบ มีบาดแผล โดนปาดคอลึกถึงคอหอย และบาดแผลตามลำตัวอีก 7 แห่ง คาดว่าจะตายมาแล้วประมาณ 2 วัน เริ่มขึ้นอืด

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าชื่อผู้ตายคือ นางสาวปภัสรา บานชื่น ชื่อเล่นตอง อายุ 20 ปี บ้านเดิมอยู่ อ.ชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวแฟนหนุ่มของเธอเป็นอันดับแรกและตามจับกุมได้แล้ว ณ ร้านเกมส์แห่งหนึ่งในพื้นที่ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือเองเนื่องจากเกิดความหึงหวง จากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงใช้ชีวิตปกติมานั่งเล่นเกมส์ได้






ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก cm108
Share:
อ่านต่อ
//adevertiser