นางทองพูน เล่าอีกว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ตนและญาติของผู้เสียชีวิตอีก 6 คนได้เดินทางไปศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อรับทราบเกี่ยวกับการคุมประพฤติ น.ส.แพรวา ทราบว่า อีก 8 เดือน น.ส.เเพรวา จะหมดระยะเวลาที่ถูกคุมประพฤติ แต่ยังทำงานบริการสังคมไม่ครบตามที่ศาลสั่ง ภายใน 4 ปี ซึ่งทางทนายฝั่ง น.ส.แพรวา ขอศาลเลื่อนกำหนดการคุมประพฤติให้เป็น 1 ปี อ้างว่า น.ส.แพรวา ติดเรียนโดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
“แม่มองว่าเขาทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงมาก แต่แค่การคุมประพฤติ บำเพ็ญประโยชน์ทำงานบริการให้กับสังคมง่ายๆ ยังไม่ทำเลย เสียความรู้สึกมาก ไม่มีความรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาศาลเรียกญาติผู้เสียชีวิตไปรับฟังการคุมประพฤติของ น.ส.แพรวา รวมถึงการทำงานบริการให้กับสังคม เขายังทำไม่ครบเลย ซึ่งมีกำหนดต้องทำให้ครบ 48 ชั่วโมงต่อปี ภายใน 3 ปี แต่ตอนนี้ทำไปแค่ 6 ชั่วโมง เหลือแค่ 8 เดือนก็จะครบกำหนดตามระยะเวลาที่เขาถูกคุมประพฤติ ทางทนายของเขาจึงขอเลื่อนเวลาออกไปเป็น 1 ปี อ้างว่า น.ส.แพรวาต้องไปเรียนหนังสือ ศาลก็ยึดเวลาให้ ” นางทองพูน กล่าว
ขณะที่นางบังเอิญ จินันทุยา มารดาของ อาจารย์ภิญโญ จินันทุยา อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการผังเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม้จะมีคำสั่งศาลออกมาคุมประพฤติก็ไม่อาจลบล้างต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะดำเนินการกับคนทำผิด
“ถึงแม้คำสั่งศาลจะออกมาเช่นนี้เขาก็ไม่เคยทำตามหรอก จากที่เคยเห็นพฤติกรรมที่ผ่านมา ไม่เคยเคารพญาติผู้เสียชีวิต พ่อแม่ไม่ควรตามใจลูกมากจนเกินไป ไม่เคยแม้แต่จะมาเจรจาพูดคุยเป็นห่วงความรู้สึกญาติผู้เสียชีวิต ” นางบังเอิญ กล่าว
